SCG
สิ่งแวดล้อม

โครงการเพิ่มมูลค่าชีวมวล “เปลี่ยนเศษไม้ ให้เป็นพลังงาน”

กลุ่มราชพัฒนา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ "พลังงานสะอาดจากชีวมวล" ที่มุ่งเน้นนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด ใบอ้อย และเหง้ามันสำปะหลัง มาสร้างมูลค่าเพิ่มแทนการเผาทำลาย ซึ่งช่วยลดปัญหาหมอกควัน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน

กลุ่มราชพัฒนา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างครบวงจร พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ "พลังงานสะอาดจากชีวมวล" ที่มุ่งเน้นนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด ใบอ้อย และเหง้ามันสำปะหลัง มาสร้างมูลค่าเพิ่มแทนการเผาทำลาย ซึ่งช่วยลดปัญหาหมอกควัน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน

บริษัทได้จัดตั้ง ศูนย์รับซื้อและแปรรูปชีวมวล เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับซื้อชีวมวลจากเกษตรกรในท้องถิ่น นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มราชพัฒนา โครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน สร้างรายได้ให้เกษตรกร ลดของเสียทางการเกษตร และมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โครงการเพิ่มมูลค่าชีวมวล ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การกระจายรายได้สู่ชุมชน การสร้างงาน สร้างอาชีพ ช่วยลดการเผาไหม้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่โล่งแจ้ง บรรเทาปัญหาภาวะหมอกควันหรือมลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2567 บริษัทรับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรปริมาณรวม 235,003 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 287,998,663.07 บาท จากเกษตรกรรายย่อยจำนวนกว่า 2,000 ราย มีรายละเอียดผลการดำเนินดังต่อไปนี้

ประเภทชีวมวล น้ำหนัก (ตัน) มูลค่า (บาท)
ไม้สับ 94,001 144,203,597.39
เศษไม้ 77,412 82,544,435.68
แกลบ 26,466 34,955,227.60
ซังข้าวโพด 17,993 15,207,117.10
ใบอ้อย 19,131 11,088,285.30
รวม 235,003 287,998,663.07

การรับซื้อชีวมวลดังกล่าวสามารถช่วยลดปัญหาการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยไม่มีการควบคุม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์หยุดเผาพื้นที่การเกษตรหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทั้งนี้บริษัทฯ ร่วมส่งเสริมให้เกษตรกรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้าเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลแทนการเผาทิ้ง ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรแล้วยังช่วยลดปัญหาภาวะหมอกควันหรือมลพิษทางอากาศได้อีกทาง

ในปี 2567 บริษัทฯ ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลทางเลือกเพื่อผลิตพลังงาน ช่วยลดการเผาไหม้พื้นที่ทางการเกษตรโดยมีอัตราเทียบเท่าช่วยลดการเผาซังข้าวโพดลง 51,409.70 ไร่ และเทียบเท่าลดการเผาใหม้ใบอ้อยลง 9,565.62 ไร่

ประเภทชีวมวล 2565 2566 2567
ปริมาณ (ตัน) พื้นที่ลดการเผา(ไร่) ปริมาณ (ตัน) พื้นที่ลดการเผา(ไร่) ปริมาณ (ตัน) พื้นที่ลดการเผา(ไร่)
ซังข้าวโพด 20,914 59,754 21,154 60,440 17,993 51,409.70
ใบอ้อย 50,695 25,347 26,972 13,486 19,131 9,565.62
รวม 71,609 85,101 48,126 73,926 37,124 60,975.32

หมายเหตุ: สถิติการเก็บข้อมูลการใช้ประโยชน์จากชีวมวลทางเลือก กลุ่มราชพัฒนา

1.พื้นที่ปลูกข้าวโพด 1 ไร่ ได้ซังข้าวโพดและ เปลือกข้าวโพด ประมาณ 350 กก. หรือ 0.35 ตันต่อไร่

2.พื้นที่ปลูกอ้อย 1 ไร่ ได้ใบอ้อย ประมาณ 2 ตัน/ไร่

ประโยชน์จากโครงการ

ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม
ลดอัตราการว่างงาน /สร้างอาชีพให้กับเกษตรกรรายย่อย ในธุรกิจที่ต่อเนื่องต้นแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปีละมากกว่า 2,000 คน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้จำหน่ายชีวมวล กระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น รวมมูลค่าปีละมากกว่า 200 ล้านบาท
  • บรรเทาปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดปัญหาหมอกควันการเผาทิ้งวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยไม่มีการควบคุม จากการนำชีวมวลมาผลิตเป็นพลังงานโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
  • ลดพื้นที่การเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอัตราเทียบเท่าลดพื้นที่การเผาใบอ้อยและพื้นที่การเผาซังข้าวโพด รวมกว่า 80,000 ไร่ ต่อปี
  • ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าปีละ 100,000 ตัน CO2

สรุปข้อมูลโครงการโครงการเพิ่มมูลค่าชีวมวล “เปลี่ยนเศษไม้ ให้เป็นพลังงาน

บริษัทดำเนินโครงการเพิ่มมูลค่าชีวมวล “เปลี่ยนเศษไม้ ให้เป็นพลังงาน”เพื่อสร้างการส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมผ่านกระบวนการทางธุรกิจ โดยจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบศูนย์รับซื้อและแปรรูปชีวมวลจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมเชื้อเพลิงชีวมวลต้นทางการผลิตพลังงานของโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยรับซื้อวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากเกษตรกรมากกว่า 2,000 ราย เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย ซังข้าวโพด ใบอ้อย เหง้ามันสําปะหลัง มาเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทย่อย ในปี 2567 ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร 288 ล้านบาท และช่วยลดพื้นที่การเผาใบอ้อยและซังข้าวโพดลง 60,975 ไร่