สิทธิมนุษยชน


การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ 1:
เป้าหมายที่ 5:
เป้าหมายที่ 10:
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ผลการดำเนินงาน
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในทุกภาคส่วนของการดำเนินธุรกิจ เราเชื่อว่าการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเท่าเทียมและปราศจากการเลือกปฏิบัติเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่ยั่งยืน ดังนั้น บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานและสื่อสารให้กับพนักงาน คู่ค้า พันธมิตรธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ได้มีมติอนุมัตินโยบายสิทธิมนุษยชน ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 เพื่อเป็นคํามั่นว่าจะยึดถือปฏิบัติ สนับสนุน และส่งเสริมการเคารพและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนที่เกี่ยวข้องในการดําเนินงานของบริษัท ให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศ หลักสิทธิมนุษยชนสากล และหลักปฏิบัติที่ดี ครอบคลุมถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Rights : UDHR) หลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights : UNGPs) กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Principles of the United Nations Global Compact : UNGC) ปฏิญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังสนับสนุนให้คู่ค้าและพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียรับทราบนโยบายสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนี้
กระบวนการตรวจสอบสถานะด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
บริษัทสนับสนุนให้คู่ค้าและพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียรับทราบนโยบายสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ในปี 2567 คณะกรรมการธรรมาภิบาลและบริหารความเสี่ยง ครั้งที่ 5/2567 วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ได้อนุมัติคู่มือสิทธิมนุษยชนของกลุ่มราชพัฒนา โดยมีกำหนดขอบเขตการประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว และมีโอกาสเกิดตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งกิจกรรมทางตรงที่บริษัทดำเนินการเอง และทางอ้อมผ่านการดำเนินการของคู่ค้า ผู้รับเหมา ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการร่วมกระทำความผิดในการละเมิดสิทธิ รวมทั้งกระบวนการสอบสวนการกระทำผิดและการทุจริต มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส และการเยียวยา
กระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence Process)
การสื่อสารกับคู่ค้าในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน
ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับปรุงจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ของกลุ่มบริษัท ที่ครอบคลุมถึงตัวแทนจำหน่าย โบรกเกอร์ ที่ปรึกษา ผู้รับเหมา และผู้จำหน่ายของผลิตภัณฑ์ หรือบริการ รวมถึงผู้ให้บริการจากภายนอกทุกราย โดยจัดให้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนหนึ่งของจรรยาบรรณฯ เพื่อช่วยผลักดันให้คู่ค้าของกลุ่มกลุ่มบริษัทมีการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม การเคารพสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดเป็นส่วนสำคัญของเงื่อนไขทางการค้า และข้อตกลงตามสัญญาที่ใช้ในการพิจารณาคู่ค้า และสื่อสารกับคู่ค้าเพื่อให้รับทราบแนวทางในการดำเนินงานร่วมกับบริษัท
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทได้ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินงานของบริษัท มีการประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับแรงงาน ดังนี้
สภาพการทำงานของพนักงาน
สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
การเลือกปฏิบัติ
การล่วงละเมิดต่อพนักงาน
การละเมิดสิทธิ
ความเสมอภาค
เสรีภาพในการสมาคม
การชุมนุม
การเจรจาต่อรองร่วมกันของพนักงาน
การใช้แรงงานผิดกฎหมาย
จากผลการประเมินความเสี่ยงการปฏิบัติด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชนของพนักงาน กลุ่มบริษัทมีระบบการคัดเลือกพนักงานที่มีมาตรฐานและเป็นธรรม ทั้งการทดสอบข้อเขียน การสอบสัมภาษณ์ เพื่อพิจารณาความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมกับตำแหน่งงานของแต่ละบุคคล โดยบริษัทปฏิบัติตามหลักความเป็นธรรมและเท่าเทียมด้านสิทธิมนุษยชนตามนโยบายสิทธิมนุษยชน และแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ไม่มีการเลือกปฏิบัติทั้งการแบ่งแยกเพศสภาพ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา สิทธิทางการเมือง หรือเรื่องใด ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 นอกจากนี้นบริษัทยังให้โอกาสพนักงานภายในบริษัทที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งที่ว่างก่อน หากไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือกจึงจะดำเนินการสรรหาจากบุคคลภายนอก ปี2567 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
การบริหารจัดการข้อร้องเรียนและการเยียวยา
บริษัทได้ให้ความสำคัญ ในเรื่องของการจัดการข้อร้องเรียน และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยกำหนดกลไกการเยียวยาในกรณีที่การดำเนินงานของบริษัท ก่อให้เกิดผลกระทบ ตั้งแต่การขอโทษ การให้ความช่วยเหลือ การฟื้นฟู การชดเชย และ/หรือ รูปแบบอื่นๆ การลงโทษ การป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำ
การดำเนินงานของบริษัท ในช่วงระหว่างปี 2565-2567 ไม่มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่มีข้อพิพาทด้านแรงงาน
หัวข้อ/ปี | 2565 | 2566 | 2567 |
---|---|---|---|
จำนวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน | 0 | 0 | 0 |
จำนวนข้อพิพาทด้านแรงงาน | 0 | 0 | 0 |
ผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2567
ในปี 2567 ได้มีการร่างแนวปฏิบัติการบริหารทรัพยากรบุคคลนำเสนอผู้บริหาร และมีการประกาศใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งแต่กระบวนการสรรหาคัดเลือก การบรรจุเป็นพนักงาน การพัฒนา การประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการให้ผลประโยชน์ตอบแทนพนักงาน การที่จะป้องกันและคุ้มครองพนักงานทุกระดับไม่ให้ถูกเลือกปฏิบัติในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น การกีดกัน หรือการให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง อันเนื่องมาจาก เชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว ศาสนา สถานะทางสังคม เพศ เพศสภาพ อายุ ความพิการ แนวคิดทางการเมือง หรือข้อมูลอื่นใดที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การปฏิบัติงานและแนวทางการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล จะเป็นไปโดยไม่ขัดต่อนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน กฎหมาย หรือข้อกำหนดอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
บริษัทไม่มีการว่าจ้างหรือสนับสนุนให้มีการว่าจ้างแรงงานเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมถึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิเด็ก ผ่านโครงการและกิจกรรมสนับสนุนต่างๆ ที่จัดทำขึ้น เพื่อส่งเสริมสิทธิเด็กและเยาวชนในการเข้าถึงโอกาสที่ดี โดยเฉพาะด้านการศึกษา เช่น โครงการมอบทุนการศึกษา กิจกรรมประกวดวาดภาพเยาวชน โครงการ อสม.น้อย เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการรับนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทั้งตัวองค์กรและนักศึกษา และยังเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยในปี 2567 ได้มีการจัดทำคู่มือการปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักศึกษาฝึกงาน เพื่อให้การดูแลนักศึกษาฝึกงานเป็นมาตรฐานและมั่นใจว่าการปฏิบัตินั้นได้รับการใส่ใจในสิทธิของเด็กและเยาวชน ไม่ขัดต่อกฎหมาย นโยบายหรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนักศึกษาจะได้รับการดูแล และการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ไม่ต่างจากพนักงานของบริษัท เช่น ได้รับเบี้ยเลี้ยง ประกันอุบัติเหตุ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และมีสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของบริษัทได้ โดยในปี 2567 บริษัทมีการเปิดรับนักศึกษาฝึกงานรวมทั้งสิ้น 5 คน (ชาย 2 คน หญิง 3 คน)
บริษัทให้ความสำคัญในการส่งเสริมสิทธิสตรี และการคุ้มครองแรงงานหญิง โดยไม่ให้พนักงานหญิงทำงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือร่างกาย ตามที่กฎหมายกำหนด และจัดให้พนักงานหญิงที่มีครรภ์ทำงานหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยต่อการมีครรภ์ รวมถึงไม่เลิกจ้าง ลดตำแหน่ง หรือลดสิทธิประโยชน์สวัสดิการต่างๆ ของพนักงานหญิง เพราะเหตุจากการมีครรภ์ ทั้งยังมีการส่งเสริมให้แรงงานหญิงได้มีโอกาสและเข้าถึงการพัฒนาความรู้ความสามารถในการทำงาน รวมถึงได้รับการประเมินสมรรถนะและผลการทำงานตามขั้นตอน เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ โดยไม่เลือกปฏิบัติ
นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญและส่งเสริมสิทธิสตรีในรูปแบบของโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการร่วมกับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น เช่น โครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มแรงงานสตรี การสนับสนุนกิจกรรมกลุ่มสตรีในชุมชมพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เป็นต้น
บริษัทให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพนักงานและลูกจ้าง โดยได้กำหนดแนวปฏิบัติการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับแรงงานกำหนดไว้ว่า "บริษัทจะไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ และจะไม่เรียกร้องหรือรับเงินประกันจากพนักงาน ไม่ว่าเมื่อเข้าทำงานหรือรับเข้าทำงานแล้ว หรือเป็น เงื่อนไขในการรับเข้าทำงานเว้นแต่กฎหมายยกเว้นไว้รวมทั้งไม่ใช้การลงโทษทางกาย หรือการคุกคาม จากการถูกกระทำรุนแรง หรือรูปแบบอื่นๆ ของการข่มเหงทางกาย เพศ จิตใจ หรือทางวาจา เป็นมาตรการด้านระเบียบวินัยหรือการควบคุม และอีกหลายส่วนในเนื้อหา ที่แสดงถึงการให้เกียรติแรงงานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบายสิทธิมนุษยชน อย่างการไม่เลือกปฏิบัติและการต่อต้านการล่วงละเมิด เป็นต้น แนวทางยึดปฏิบัติดังกล่าวยังสะท้อนในเชิงสถิติว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ปรากฎข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนและข้อพิพาทด้านแรงงานใดๆ
บริษัทมีระบบบริหารค่าตอบแทนที่ยึดหลักความยุติธรรมและเท่าเทียม ให้เกิดความเป็นธรรมทั้งภายในและสามารถแข่งขันได้กับธุรกิจภายนอก รวมทั้งยึดหลักการจ่ายค่าตอบแทนที่เชื่อมโยงกับผลสำเร็จของงาน มีการประเมินค่างาน บริหารผลการปฏิบัติงาน และใช้ระบบโครงสร้างเงินเดือนในการบริหารเงินเดือนของพนักงาน สำหรับการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ นอกจากเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทยังมีการพิจารณาจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี เสริมสร้างความมั่นคง ปลอดภัย สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับพนักงาน ทั้งนี้แนวทางการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการเป็นไปตาม แนวปฏิบัติการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของบริษัท
บริษัทมีการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานของลูกจ้าง และเพื่อส่งเสริมเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานที่ไม่มากเกินไปตามแนวคิด การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) บริษัทได้กำหนดเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมงต่อวัน และการทำงานล่วงเวลา (OT) ควรเป็นไปตามความจำเป็นและได้รับการอนุมัติจากผู้บริหาร ทั้งยังมีการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดภาระงานและลดชั่วโมงการทำงานที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีแนวนโยบายที่สนับสนุนรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การทำงานแบบ Hybrid ตามความเหมาะสม เพื่อลดระยะทางและเวลาการเดินทางมาทำงานของพนักงานและเลือกสถานที่ทำงานได้เองอย่างอิสระในบางครั้ง โดยพิจารณาการทำงานจากผลลัพธ์แทนการจับเวลา ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้าจากการทำงาน (Burnout) และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานนั่นเอง
บริษัทมีการส่งเสริมการเคารพและยอมรับความหลากหลาย ไม่มีการกีดกั้นและเลือกปฏิบัติไม่ว่าด้านใด มีการยอมรับและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศสภาพ (LTBGQ+) ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครจนถึงการบรรจุเป็นพนักงาน และยังเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด โดยเปิดรับข้อร้องเรียน คำแนะนำ หรือการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทผ่านทางช่องทางต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกสามารถเข้าถึงได้
ในปี 2567 บริษัทได้มีการจัดฝึกอบรมหลักสูตร "ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน" โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะจากกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานในทุกพื้นที่ ซึ่งในหัวข้อการอบรมนอกจากมีการให้ความรู้เรื่อง สิทธิ หน้าที่ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจแล้ว ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการการกลั่นแกล้งคุกคามซึ่งเป็นความรู้ที่เกี่ยวเนื่องด้านสิทธิมนุษยชนด้วย ซึ่งมีพนักงานทุกระดับ ทั้งระดับจัดการและระดับปฏิบัติการเข้าร่วมอบรม รวม 123 คน คิดเป็น 67% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด